วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2557

อัศจรรย์เลข 7

7


        เลข 7 เข้ามามีบทบาทกับชีวิตของเราเกือบทุกด้าน ถ้าไม่เชื่อก็ลองตามมาดู แล้วคุณจะทึ่งกับมหัศจรรย์ของเลข 7

“1 สัปดาห์ มี 7 วัน” 
        ยังจำกันได้มั้ย สมัยเรายังเด็กท่องกันเป็นนกแก้วนกขุนทองว่า 1 สัปดาห์ มี 7 วัน 1 วันอาทิตย์ สีแดง 2 วันจันทร์ สีเหลือง...แต่เรากลับไม่เคยรู้สึกสงสัยกันเลยว่า เออ...แล้วทำไมต้องมี 7 วัน แท้จริงแล้วมันมีที่มาจากคติความเชื่อทางพราหมณ์ ที่อธิบายว่าการตั้งชื่อวันทั้ง 7 นั้น เป็นไปตามโหราศาสตร์ว่าด้วยเรื่องของดวงดาวนพเคราะห์ และการบูชาเทวดาประจำดวงดาว ซึ่งมีทั้งหมด 9 ดวง แต่เราจะมองไม่เห็น 2 ดวง คือ ดาวราหู และดาวเกตุ ชาวโหราศาสตร์สมัยโบราณเขาก็เลยกำหนดให้ 1 สัปดาห์ มี 7 วันนั่นเอง ซึ่งหมายถึงว่าเราจะได้บูชาเทวดาประจำวัน หรือเทวดาทั้ง 7 เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีและเตือนสติไม่ให้เราหลงผิด

รุ้งมี 7 สี
        คิดแล้วก็แปลก ทำไมรุ้งถึงต้องมี 7 สี และเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน ที่สำคัญไม่ว่าจะอยู่ในมุมใดของโลกเราก็เห็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของรุ้ง ได้ครบ 7 สีเหมือนกัน เรื่องนี้สามารถอธิบายได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ว่า รุ้งกินน้ำนั้นเกิดจากการหักเหของแสงอาทิตย์ที่ผ่านละอองน้ำ ปรากฏเป็นความสวยงามของรุ้ง 7 สี ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ จริงๆ แล้วแสงจากดวงอาทิตย์ก็มี 7 สี คือ ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง เพียงแต่ปกติเราจะมองกันไม่เห็น แต่เมื่อแสงเหล่านี้ส่องผ่านเข้าไปในละอองน้ำหรือหยดน้ำ จะเกิดการหักเหของแสงออกมาทำให้เราเห็นได้อย่างชัดเจน โดยแสงสีแดงทำมุมสะท้อน 42 องศา ส่วนแสงสีน้ำเงินทำมุม 40 องศา เราจึงเห็นรุ้ง 7 สี โดยมีสีแดงอยู่ด้านบนและสีม่วงอยู่ด้านล่าง

ร้อยเอ็ด 7 ย่านน้ำ 
        ศ.ดร.กาญจนา นาคสกุล ราชบัณฑิต สำนักศิลปกรรม ราชบัณฑิตยสถาน ให้คำอธิบายถึงสำนวนไทยนี้เอาไว้ว่า...ในสมัยโบราณการเดินทางไกลมักจะใช้ เรือเป็นพาหนะ และการเดินทางทางน้ำแต่ละครั้งก็ขนสัมภาระไปด้วย ทั้งในเรือก็ยังใช้เป็นที่พักหลับนอนได้ ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ จึงหมายความว่า การเดินทางไปหลายหนหลายแห่ง หรือว่าไปมาทั่วนั่นเอง



ภริยา 7 ประเภท 
        “ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร” คงเป็นคู่ครองที่หลายคนปรารถนา และใครก็คงอยากจะพบคู่คิด คู่ชีวิต คู่สร้างคู่สม มากกว่าคู่กัด คู่เวรคู่กรรม คนโบราณเขาถึงได้มีตำราเปรียบเทียบภรรยาเอาไว้อย่างแจ่มชัด โดยแบ่งได้ 7 ประเภทด้วยกัน

    วธกาภริยา หมายถึง ภริยาเยี่ยงเพชฆาต คือเมียที่ไม่ได้อยู่กินกันด้วยความพอใจ ดูหมิ่น และคิดทำลายสามี (อย่างนี้คงเข้าข่ายคลุมถุงชน หรือไม่ก็ไปฉุดมา)

    โจรีภริยา หมายถึง ภริยาเยี่ยงโจร คือเมียชนิดล้างผลาญทรัพย์สมบัติ (เว้ากันง่ายๆ คือผู้ที่ชอบสูบเงินสามีไปใช้ในทางที่ฟุ่มเฟือย)

    อัยยาภริยา หมายถึง ภริยาเยี่ยงนาย คือเมียที่เกียจคร้าน ไม่ใส่ใจการงาน ปากร้าย หยาบคาย ชอบข่มสามี หรือดุด่าสามีเป็นประจำ (จะทนอยู่ทำมั้ย...)

    มาตาภริยา หมายถึง ภริยาเยี่ยงมารดา คือเมียที่หวังดี คอยเป็นห่วงเป็นใย เอาใจใส่ (ประเสริฐแท้แม่คู้น)

    ภคินีภริยา ภริยาเยี่ยงน้องสาว คือเมียที่เคารพรักสามี ดังน้องรักพี่ มีใจอ่อนโยน รู้จักเกรงใจ มักคล้อยตามสามี (น่ารักน่าเอ็นดู้)

    สขีภริยา ภริยาเยี่ยงสหาย คือเมียที่เป็นเหมือนเพื่อน มีจิตภักดี เวลาพบสามีก็ร่าเริงยินดี วางตัวดี ประพฤติดี มีกิริยามารยาทงาม (เพื่อนคู่คิด มิตรคู่กาย)

    ทาสีภริยา ภริยาเยี่ยงทาส คือเมียที่ยอมอยู่ใต้อำนาจสามี ถูกสามีตะคอกตบตี ก็อดทน ไม่แสดงความโกรธตอบ (อย่าปล่อยให้ถึงจุดระเบิดเชียวนา เธอเอาตาย)


สวรรค์ชั้น 7 
        อันที่จริงแล้วในคัมภีร์แห่งภพ กล่าวว่า สวรรค์นั้นมีทั้งหมด 6 ชั้นด้วยกัน คือ จาตุมหาราชิกภูมิ ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานรดี (กามาวตรี) และปรนิมมิตวสวัตตี (กามาวจร) ส่วนสวรรค์ชั้น 7 หรือสวรรค์ชั้น “สุขาวดี” นั้นเป็นผลเนื่องมาจากชาวสวรรค์ชั้น 5 คือผู้ซึ่งรักสันโดษ ซึ่งเป็น “อิสตรีเพศ” ผู้มีปรารถนาอยู่อย่างโดดเดี่ยว ละแล้วซึ่งกามราคะ กับชาวสวรรค์ชั้น 6 ผู้รักสันโดษ “เพศชาย” ที่มิปรารถนาอยู่เป็นคู่กับผู้ใด เกิดความต้องการจะเสวยสุข หรือละไม่ได้ซึ่งกิเลสตัณหา ก็จะถูกส่งมาที่สวรรค์ชั้นสุขาวดี หรือว่าสวรรค์ชั้น 7 หรืออีกนัยหนึ่งก็คือจะต้องลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ เพื่อเข้าสู่ “สังสารวัฏ” อีกครั้งหนึ่ง พูดง่ายๆ สวรรค์ชั้น 7 ก็น่าจะหมายถึงโลกมนุษย์ของเรานี่เอง


หน้า 7 หลัง 7 
        เรื่องของ หน้า 7 หลัง 7 นี้ เป็นเรื่องที่ทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงต้องทำความเข้าใจร่วมกันให้แจ่ม แจ้งว่าเป็นหนึ่งในวิธีการคุมกำเนิดแบบพื้นๆ ที่ไม่ต้องอาศัยคิงดอม หรือยาคุมแต่อย่างใด เพียงแค่อาศัยความจำที่แม่นยำก็เท่านั้น ซึ่งคำว่า หน้า 7 หมายความว่า 7 วันก่อนรอบเดือนจะมา ส่วนคำว่าหลัง 7 หมายความว่า 7 วัน นับจากวันแรกที่รอบเดือนมา เช่น สมมติว่ารอบเดือนมาวันที่ 10 -- 7 วันหน้า คือวันที่ 3 4 5 6 7 8 9 ส่วน 7 วันหลัง คือวันที่ 10 11 12 13 14 15 16 ทั้งๆ ที่เป็นวิธีคุมกำเนิดที่แสนจะง่ายดาย แต่คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงก็มักนับพลาดท่ากันทุกทีสิเอ้า


7 ชั่วโคตร 
        โห้ด...โหด...เพราะเป็นการลงโทษในสมัยโบร่ำโบราณขั้นรุนแรง เรียกว่าแทบล้างตระกูลกันทีเดียว 7 ชั่วโคตรก็คือการลงโทษขั้นประหารชีวิตของผู้กระทำผิดและผู้ร่วมวงศ์สกุล เดียวกันถึง 7 รุ่น นับตั้งแต่ตัวผู้กระทำผิดขึ้นไป 3 ชั้น คือ พ่อ ปู่ และทวด และนับจากตัวเองลงมาอีก 3 รุ่น คือ ลูก หลาน เหลน รวมตัวผู้กระทำผิดด้วยก็เป็น 7 ชั่วโคตรพอดี แต่โทษร้ายแรงนี้ไม่นับรวมถึงบรรดาผู้หญิงนะครับ นี่ถ้าสมัยนี้ยังใช้การลงโทษชนิดนี้อยู่คงล้มหายไปหลายตระกูลแล้วกระมัง


มหาบาปทั้ง 7 
        The Seven Deadly Sins หรือ 7 มหาบาป คือ บาปที่ไม่สามารถอภัย ซึ่งรวบรวมไว้โดยนักบุญเกเกอรี ตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 ซึ่งตามปกติแล้วสำหรับชาวคริสต์ “บาปเบา” ยังสามารถให้อภัยได้ ด้วยการไปสารภาพบาปกับบาทหลวง ทว่ามหาบาปทั้ง 7 นั้น จัดว่าเป็นบาปหนัก ขั้นที่ไม่อาจให้อภัย และทำให้คนคนนั้นไม่ได้ขึ้นสวรรค์ ทั้งเมื่อวิญญาณออกจากร่างยังจะกลายเป็นตัวแทนของ “ปีศาจจอมบาป” ไม่ได้ผุดได้เกิด

มหาบาปทั้ง 7 ได้แก่ ... Pride หรือ ความจองหองอวดตัว ดูหมิ่น และประมาทคนอื่นด้วยความคิด วาจา ปีศาจที่แทนบาปนี้ได้แก่ ลูซิเฟอร์

    Avarich หรือ ความตระหนี่ถี่เหนี่ยว ไม่ทำบุญทำทาน มีใจผูกพันแต่ทรัพย์สมบัติของโลกจนลืมพระเป็นเจ้า และลืมความหมายของชีวิต ปีศาจที่แทนบาปนี้ได้แก่ แมมมอน

    Lust หรือ อุลามก ปล่อยตัวฟุ้งซ่านตามความสุขสนุกสบายผ่านเนื้อหนัง ทำอุลามก ดูรูปภาพลามก และเที่ยวในสถานที่ไม่เหมาะสม ปีศาจที่แทนบาปนี้ได้แก่ แอสโมดีอุส

    Gluttony หรือ โลภอาหาร กินและจ่ายอย่างฟุ่มเฟือยโดยเห็นแก่ความสนุก ความชอบ ลุ่มหลง มัวเมา และเสพติด ปีศาจที่แทนบาปนี้ได้แก่ เบลเซบับ

    Envy หรือ ความอิจฉา ดีใจเมื่อท่านได้ ร้ายและเสียใจเมื่อเขาได้ดีกว่า อิจฉาทรัพย์สมบัติที่คนอื่นมี บาปนี้นำพาไปสู่การลักขโมย หรือแม้แต่การฆ่าฟันเพื่อได้ของสิ่งนั้นมา ปีศาจที่แทนบาปนี้ได้แก่ ลีเวียธัน

    Anger หรือ ความโกรธโมโห ปล่อยใจพลุ่งพล่านเดือดดาล เอาแต่ใจตัวเอง เป็นคนเจ้าอารมณ์ ทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ยั้งคิด หรือไม่มีเหตุผล ปีศาจที่แทนบาปนี้ได้แก่ ซาตาน

    Sloth หรือ ความเกียจคร้าน ไม่ทำการทำงาน ไม่ทำหน้าที่รับผิดชอบ สะเพร่า ทำงานขาดตกบกพร่อง ขี้เกียจทำงาน หลับในหน้าที่ ปีศาจที่แทนบาปนี้ได้แก่ เบลเฟกอร์



เสื้อหมายเลข 7 
        หากจะกล่าวถึงหมายเลขเสื้อที่เป็นที่ใฝ่ฝันของนักฟุตบอลแล้ว เชื่อว่าเบอร์เสื้อหมายเลข 7 น่าจะเป็นเบอร์อันดับต้นๆ เช่นเดียวกับสโมสร “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ตำแหน่งหมายเลข 7 คือเสื้อของผู้เล่นระดับตำนานแห่งถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ดมาช้านาน มียอดนักเตะฝีเท้าดีต่างผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาสวมใส่ หมายเลขนี้หลายยุคหลายสมัย และก็มักโชว์ฟอร์มเด่นมาโดยตลอด

        เริ่มจาก จอร์จ เบสต์ เจ้าของฉายา “เทพบุตรมหาภัย” ตามมาด้วยกัปตันกระดูกเหล็ก ไบรอัน ร็อบสัน กองกลางตัวรับผู้ดุดัน และผู้ที่เป็นตำนานหมายเลข 7 ของปีศาจแดงอย่างแท้จริง ได้แก่ เจ้าของเอกลักษณ์ “เสื้อปกตั้ง หลังตรง” เอริก กองโตนา ศิลปินลูกหนังชาวฝรั่งเศสนั่นเอง ขณะที่เมื่อ “เทพบุตรสุดหล่อ” เดวิด เบคแคม มาสวมเสื้อหมายเลข 7 ยังเป็นตำนานที่ไม่อาจลบเลือน

        เดวิด เบคแคม ทำให้เสื้อหมายเลข 7 ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นเสื้อที่ขายดีที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเขาช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สร้างปรากฏการณ์คว้า “ทริปเปิลแชมป์” ในฤดูกาล 1999

        ส่วนผู้ที่สืบตำนาน “เสื้อหมายเลข 7” ที่โอลด์แทรฟฟอร์ดทุกวันนี้ คือ คริสเตียโน โรนัลโด ปีกจอมเลื้อยชาวโปรตุกิสนั่นเอง


คนแคระทั้ง 7 
        คนตัวจิ๋วเพื่อนที่แสนดีของสาวอาภัพผู้เลอโฉม สโนไวท์ นิทานอมตะที่ใครๆ ก็ชื่นชอบและรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งคนแคระแต่ละคนก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันไป สังเกตได้จากสีของเสื้อผ้าที่สวมใส่ คนแรกคือ สเตด สวมเสื้อสีน้ำเงิน คนที่ 2 คือโบลด์ สีม่วง ทีมิต สีเขียว ฮอกกี สีเหลือง เชฟ สีแดง อควา สีฟ้า และแนปปี สีส้ม คนแคระทั้ง 7 นอกจากจะให้บ้านพักกับสโนไวท์ยามที่หนีจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างแม่มดใจ ร้ายแล้ว พวกเขายังนำเธอใส่ในโลงแก้วเพื่อรอคอยปาฏิหาริย์ ก่อนเรื่องราวจะจบลงอย่างสุขนาฏกรรม


007 พยัคฆ์ร้ายหน้าหยก 
        เจมส์ บอนด์ 007 สายลับหน้าหยกสุดเร่าร้อน ภาพยนตร์เรื่องดังที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายประเภทสายลับจารกรรมยุคหลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 (ยุคสงครามเย็น) เนื้อหาเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของสายลับชาวอังกฤษคนหนึ่งที่ชื่อ เจมส์ บอนด์ ผลงานประพันธ์ เอียน เฟลมมิง ที่เคยทำงานให้กับหน่วยข่าวกรองแห่งกองทัพเรืออังกฤษมาแล้ว ตีพิมพ์เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2495

        เลข 007 ที่อยู่ท้ายชื่อของเจมส์ บอนด์ หมายถึงรหัสลับประจำตัว โดยเลข 00 นำหน้าเลข 7 ถือเป็นสัญลักษณ์แสดงว่า เขาเป็นสายลับที่ได้รับอนุญาตให้สามารถสังหารชีวิตผู้อื่นได้โดยไม่ผิด กฎหมาย นักวิเคราะห์บางคนแสดงทัศนะว่า เอียนได้รับแรงบันดาลใจจากสายลับอังกฤษผู้หนึ่งในศตวรรษที่ 16 ที่เคยส่งสารลับมาถึงสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 1 ด้วยรหัส 00 ซึ่งหมายถึง “สำหรับพระเนตรของพระองค์” เท่านั้น (For Your Eyes Only)

        เจมส์ บอนด์ 007 นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ไปแล้ว 21 ตอน มีผู้รับบทเจมส์ บอนด์ แล้ว 6 คน คนแรกที่เป็นตำนาน คือ อน คอนเนอรี (ได้รับยกย่องว่าเซ็กซี่ที่สุด) ส่วน เจมส์ บอนด์ คนล่าสุด ดาเนียล เคร็ก ผู้เจอกระแสโจมตีหนักที่สุด เพราะเขาเตี้ย ผมบลอนด์ และไม่หล่อ! ทว่า ม้ามืดอย่างพี่ดาเนียลกลับคว้าตำแหน่งชายหนุ่มที่สาวๆ ทั่วโลกใฝ่ฝันไปครองซะงั้น...



7 กุมภา 
        ปิดท้ายกันด้วยความมหัศจรรย์ของเลข 7 สุดท้าย ด้วย 7 กุมภา คือวันเกิดของหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ. 2546 จนถึงวันนี้ ก็ก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 กันแล้ว...

เห็นมั้ยล่ะคะว่าเลข 7 มหัศจรรย์นั้นเข้ามามีบทบาทกับชีวิตคนเรามากมาย นี่ยังไม่นับรวมถึงเรื่องความอัศจรรย์ของเลข 7 จากพระคัมภีร์ไบเบิล 7 วันในการสร้างโลก 7 คนที่อยู่กับโนอาห์ 7 พระสงฆ์ และแตรทั้ง 7 ล้อมรอบกำแพงแห่งเยริโคห์ เป็นเวลา 7 วัน และในวันที่ 7 เมืองเยริโคห์ก็ตกอยู่ในมือของอิสราเอล 7 วันสำหรับการชำระล้างผู้ไม่บริสุทธิ์ 7 เทศกาลในเลวีนิติ หรือว่า 7 วันอันตราย 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น